ซ่อมส่วนต่อเติมทรุด

การเสริมเสาเข็ม (Underpinning) หรือการเสริมระบบฐานรากเพื่อป้องกัน และเพื่อแก้ไขปัญหาการทรุดตัวของอาคารในระยะยาว ซึ่งปัญหาบ้านทรุด บ้านเอียง อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ อาทิเช่น
 
1. การสร้างส่วนต่อเติมอาคารที่ไม่ได้มาตรฐานดึงรั้งตัวอาคารให้เกิดการทรุดตัวจะสังเกตได้จากรอยร้าว และรอยแตกจะมีลักษณะกว้างและเดินอย่างมีทิศทาง

2. การใช้เสาเข็มที่ไม่สมดุลกับตัวอาคาร การที่ผู้รับเหมาก่อสร้างเลือกใช้เสาเข็มที่มีขนาดเล็กกว่าแบบมาทำงานโครงสร้างเพื่อลดต้นทุนในการก่อสร้าง ซึ่งการเลือกเสาเข็มที่ไม่เหมาะสมกับตัวอาคารนี้อาจส่งผลให้บ้านค่อยๆ ทรุดตัวจะเริ่มเห็นอาการบ้านเอียง และบ้านเป็นรอยร้าว รอยแยกอย่างชัดเจนหลังจากการซื้อบ้าน 3-5 ปี ซึ่งอาการบ้านทรุดเอียงจะมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้นานอาจเป็นอันตรายได้

3. การที่หน้าดินเกิดการเปลี่ยนแปลง หรือการทรุดตัวของหน้าดิน ปัญหานี้อาจเกิดจากหน้าดินเดิมก่อนการปลูกสร้างบ้านเคยเป็นแอ่งน้ำ ร่องสวน เป็นต้น ซึ่งอาจมีการถมดินได้ไม่หนาแน่นมากเพียงพอ ประกอบกับวิศวกรคำนวณโครงสร้างบ้านตามมาตรฐาน แต่ขาดการคำนวณเผื่อในเรื่องปัญหาการทรุดตัวของพื้นดินในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ซึ่งในแต่ละปีกรุงเทพมหานครจะมีปัญหาการทรุดตัวของดินประมาณไม่เกิน 1ซม./ปี โดยสาเหตุเกิดจากการสูบน้ำบาดาลขึ้นมาใช้ในปริมาณมากเกินกว่าที่น้ำบาดาลตามธรรมชาติจะไหลเข้ามาแทนที่ได้ทัน ซึ่งอาจส่งผลกระทบให้ถนนทรุด และอาคารบ้านเรือนทรุดตัวได้

  4. สภาพแวดล้อมบริเวณใกล้เคียง เช่น พื้นที่ระยะใกล้มีการลงเสาเข็มเพื่อปลูกสร้างอาคารอาจมีการสั่นสะเทือน และเกิดปัญหารอยร้าวกับตัวอาคารที่มีโครงสร้างที่ไม่แข็งแรงได้ หรือ การปลูกต้นไม้ใหญ่ใกล้อาคารมากเกินไปอาจทำให้รากของต้นไม้ไปรบกวนโครงสร้างอาคารให้เกิดความเสียหายได้ เหล่านี้เป็นต้น

หากท่าน พบว่าบ้านเริ่มมีปัญหา รอยร้าว รอยแยก รอยรั่วซึ่ม ผนังปูนร้าว เสาร้าว คานร้าว ให้ท่านลองสังเกตุด้วยตนเองเบื้องต้น ว่าเป็นรอยราวที่เกิดจากปัญหาการทรุดตัวของอาคารหรือไม่เพื่อที่จะแก้ไขได้อย่างถูกต้อง

ตัวอย่างลักษณะรอยร้าวที่มาจากปัญหาการทรุดตัวของอาคาร ที่อาจจำเป็นต้องเสริมความสามารถในการรับน้ำหนักให้เสาเข็ม ได้แก่

1. รอยร้าวตามยาวใกล้ท้องคาน 
            รอยร้าวที่เป็นรอยยาวใกล้ท้องคาน เป็นเส้นยาวต่อๆ กัน หมายความว่า เหล็กในคานของเราที่เป็นเหล็กเสริมรับแรงดึงด้านล่า ง น่าจะเป็นสนิม รอยร้าวแบบนี้จะทำให้คานของเรารับแรงดึงได้น้อยลง และรับน้ำหนักกดกลางคานได้น้อยลงหากเป็นเล็กน้อย วิศวกรก็จะให้กระเทาะคอนกรีตออก ทำความสะอาดเหล็กแล้วก็เอา อีพ๊อกซี่ ฉาบเข้าไปแทน แต่หากเป็นมากเขาก็จะต้องเสริมโครงสร้างใหม่เข้าไปช่วย  หากอาการหนักมากๆ และอาจจะรุกลามไปที่อื่นต่อ ก็จะต้องตัดคานส่วนนี้ แล้วก็ทำใหม่

2. รอยร้าวที่กลางคาน
    มีลักษณะเป็นรอยร้าวตามแนวตั้งฉากกับคาน อยู่บริเวณกลางคานเลย รอยร้าวมักจะเกิดขึ้นทั้งสามด้านของตัวคาน อาการแบบนี้แสดงว่า คานตัวนั้นรับนำหนักมากเกินไป คานเกิดอาการโก่งงอ (น้ำหนักทับข้างบนที่ชั้นบน) อาจจะเกิดเพราะการออกแบบเปลี่ยนวัสดุปูพื้นข้างบนให้หนักขึ้น หรือไปทำกำแพงทับให้เกิด line load หรือจัดวางของหนักๆไว้ตรงนั้น
การแก้ไข ก็คือต้องรีบเอาน้ำหนักออกก่อนที่เหล็กในคานจะ "คราก" เมื่อเอาน้ำหนักออกแล้วส่วนใหญ่รอยร้าวตรงนี้จะกลับประสานกัน เหลือเป็นรอยเส้นเล็กนิดเดียว แต่หากเมื่อเอาน้ำหนักออกแล้วรอยแตกไม่กลับมาเหมือนเดิม ควรปรึกษาวิศวกร

3. รอยร้าวเฉียงๆ ที่ผนังมุมซ้ายล่าง ไปมุมขวาบน
     เห็นเป็นรอยเกิดขึ้นที่ผนังของอาคาร บางทีก็เป็นเส้นเดียวต่อกันใหญ่ๆ เลย บางทีก็เป็นเพียงเส้นเล็กๆ หลายๆ เส้นต่อกันเป็นเส้นทะแยงมุม การเกิดรอยร้าวแบบนี้แสดงว่า โครงสร้างของอาคารเกิดการ "บิดตัว" เพราะเสาของอาคารอาจจะมีการทรุดตัวไม่เท่ากัน

4. รอยร้าวที่หัวเสา
เป็นรอยร้าวที่อันตราย ลักษณะของรอยร้าวมักจะเป็นรอยเฉียงๆ ที่หัวเสาที่ต่อกับคาน อาการแบบนี้แสดงว่า เสาและคานตัวนั้นกำลังไม่สามารถรับน้ำหนักได้ กำลังจะฉีกหล่นลงมา อาจจะเพราะเราเอาน้ำหนักใส่มากเกินไป หรือตัวเสามีปัญหา หรือตัวเสาเข็มปัญหา  เป็นต้น

บริษัท โฮม แอดวานซ์ โซลูชั่น ได้มีบริการเสริมเสาเข็มเพื่อเพิ่มความสามารถในการรับน้ำหนักของอาคาร และบริการแก้ไขปัญหาระบบฐานรากอยากถูกต้องตามมาตรฐานวิศวกรรมศาสตร์ โดยทีมวิศวกรจะเข้าตรวจสอบพื้นที่ด้วยตนเองพร้อมอธิบาย และให้คำแนะนำที่ถูกต้องชัดเจนก่อนการตัดสินใจ พร้อมทั้งรับประกันหลังการซ่อมแซม