
ฐานรากของบ้านเป็นสิ่งที่ให้ความมั่งคง
และแข็งแรงให้แก่ตัวบ้านเป็นอันดับแรก
ถ้ามีฐานรากที่
มั่นคงแข็งแรงผู้อยู่อาศัยก็ย่อมอุ่นใจได้ว่าบ้านที่อยู่นั้นจะไม่เอียงหรือทรุดลงมาในภายหลัง
ซึ่งตึกแถวที่เอียงและพังถล่มลงมาซึ่งมีสาเหตุมาจากโครงสร้างของฐานรากที่ไม่แข็งแรงนั่นเอง
ส่วนประกอบที่สำคัญของโครงสร้างของฐานรากก็คือส่วนที่อยู่ลึกที่สุดลงไปในดินนั่งก็คือเสาเข็ม
ผู้ซื้อบ้านหรือผู้ปลูกบ้านส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยสนใจหรือให้ความสำคัญกับเสาเข็มมากนัก
เหตุผลหนึ่ง อาจ
เป็นเพราะเสาเข็มซ่อนอยู่ใต้ดินเมื่อตอกลงไปแล้วก็มองเห็นได้ยาก
การกำหนดว่าบ้านแต่ละแบบแต่ละหลังจะต้องใช้เสาเข็มชนิด ใด ขนาดใด
เป็นจำนวนเท่าใดนั้น จะต้องใช้ความรู้ด้านวิศวกรรมมาคำนวณและกำหนดลงไป ซึ่งควร
จะเป็นหน้าที่ของวิศวกรผู้ออกแบบและผู้ควบคุมการก่อสร้างที่จะดำเนินขั้นตอนเหล่านี้ให้เป็นไปด้วยความ
เรียบร้อย
ผู้ซื้อบ้านหรือผู้ปลูกบ้านส่วนใหญ่มิได้มีพื้นความรู้ในสิ่งเหล่านี้จึงไม่น่าจะเป็นภาระที่จะต้องมากังวล
หรือสนใจกับสิ่งเหล่านี้ ความคิดเช่นนี้จะถูกหรือผิดเสียทีเดียวก็คงไม่ได้
แต่ในการออกแบบหรือควบคุมการปลูกสร้างบ้าน แต่ละหลัง
บางครั้งก็มิใช่ว่าจะถูกต้องสมบูรณ์ไปเสียทั้งหมด ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับมาตรฐาน
ประสบการณ์ และความชำนาญของผู้ออกแบบและผู้ควบคุมการก่อสร้างแต่ละรายด้วย
การที่ผู้ซื้อบ้านหรือผู้ปลูกบ้านมีความ
รู้เกี่ยวกับการสร้างบ้านบ้างก็ย่อมจะเป็นการได้เปรียบ
อย่างน้อยก็เพื่อเป็นข้อคิดหรือข้อสังเกต
เมื่อพบเห็นสิ่งผิดสังเกตหรือข้อสงสัยจะได้สามารถสอบถามเพื่อขอคำชี้แจงได้
ซึ่งจะทำให้เจ้าของบ้านสามารถป้องกันหรือแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ตั้งแต่แรก
ประเภทของเสาเข็ม
เสาเข็มที่ใช้กับอาคารบ้านเรือนทั่วไปในปัจจุบันสามารถแบ่งออกได้เป็น
3 ประเภทใหญ่ ๆ ตามลักษณะของการผลิตและการใช้งาน ได้แก่
1. เสาเข็มคอนกรีตอัดแรง ( Prestressed concrete pile )
2. เสาเข็มเจาะ ( Bored pile )
3. เสาเข็มกลมแรงเหวี่ยงอัดแรง ( Prestressed concrete spun
pile )
เสาเข็มคอนกรีตอัดแรง
เสาเข็มคอนกรีตอัดแรงเป็นเสาเข็มที่ใช้กันแพร่หลายสำหรับอาคารพาณิชย์
และบ้านพักอาศัยทั่วไป เป็นเสาคอนกรีตที่ทำจากปูนซีเมนต์ชนิดแข็งตัวเร็ว
และโครงเหล็กภายในทำจากลวดเหล็กอัดแรงกำลังสูง
กรรมวิธีที่ใช้ในการลงเสาเข็มจะเป็นการตอกกระแทกลงไปในดินโดยใช้ปั้นจั่นซึ่งเป็นกรรมวิธีที่ไม่ยุ่งยาก
ซับซ้อนและประหยัดค่าใช้จ่าย
เสาเข็มคอนกรีตอัดแรงสามารถแบ่งแยกย่อยออกไปได้อีกตามรูปร่างลักษณะของเสาเข็ม
ที่ใช้กัน แพร่หลาย ได้แก่
1. เสาเข็มรูปตัวไอ
2. เสาเข็มสี่เหลี่ยมตัน
3. เสาเข็มหกเหลี่ยมหรือแปดเหลี่ยมชนิดกลวง
4. เสาเข็มรูปตัวที
ชนิดเสาเข็มที่ใช้สำหรับรับน้ำหนักของตัวบ้านโดยทั่วไปจะเป็นเสาเข็ม รูปตัวไอ
ส่วนขนาดและ ความยาวนั้นขึ้นอยู่กับวิศวกรผู้ออกแบบเป็นผู้กำหนด
ส่วนเสาเข็มหกเหลี่ยมหรือแปดเหลี่ยมชนิดกลวง
หรือเสาเข็มรูปตัวทีนั้นมักจะใช้กับงานโครงสร้างที่เล็กกว่าหรือการรับน้ำหนักน้อยกว่า
เช่น งานฐานราก ของรั้ว
เสาเข็มเจาะ
เสาเข็มเจาะเป็นเสาเข็มอีกประเภทหนึ่งซึ่งแตกต่างจากเสาเข็มคอนกรีตอัดแรงในลักษณะของการใช้
งาน กรรมวิธีในการทำเสาเข็มเจาะค่อนข้างยุ่งยากซับซ้อน และจะต้องทำ ณ
สถานที่ที่จะใช้งานจริงเลย
โดยใช้เครื่องมือเจาะขุดดินลงไปให้ได้ขนาดของเส้นผ่านศูนย์กลางและความลึกของเสาเข็มตามที่กำหนดจาก
นั้นจึงจะใส่เหล็กเสริมและเทคอนกรีตลงไปเพื่อหล่อเป็นเสาเข็ม
เสาเข็มเจาะสามารถแบ่งออกเป็น 2
ประเภทใหญ่ๆตามขนาดของเสาเข็มและกรรมวิธีที่ใช้ อันได้แก่
1. เสาเข็มเจาะขนาดเล็ก
( small diameter bored pile )
เป็นเสาเข็มเจาะที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางอยู่ในช่วง 35-60
เซนติเมตร ( ส่วนใหญ่จะเป็น ขนาด เส้นผ่านศูนย์กลาง 35, 40, 50, 60
เซนติเมตร ) มีความลึกอยู่ในช่วงประมาณ 18-23 เมตร
กรรมวิธีที่ใช้ในการเจาะมักจะเป็นแบบแห้ง ( dry process )
ซึ่งเป็นการขุดเจาะโดยใช้เครื่องมือขุดเจาะ ลงไปตามธรรมดา
2. เสาเข็มเจาะขนาดใหญ่
(
large diameter bored pile )
เป็นเสาเข็มเจาะที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่า 60
เซนติเมตรขึ้นไป ( ส่วนใหญ่จะมี ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 80, 100, 120, 150
เซนติเมตร ) มีความลึกอยู่ในช่วงประมาณ 25-65 เมตร
กรรมวิธีที่ในการเจาะมักจะเป็นระบบเปียก ( wet process )
ซึ่งแตกต่างจากระบบแห้ง คือจะต้องเพิ่ม ขั้นตอนในการฉีดสารเคมีเหลวซึ่งเรียกว่า
Betonies slurry ลงไปในหลุมที่ทำการขุดเจาะ โดยเฉพาะ
หลุมที่มีความลึกมากๆ ถึงชั้นทรายหรือหลุมที่มีน้ำใต้ดิน ทั้งนี้
เพื่อสร้างแรงดันในหลุมที่เจาะและยึดประสานผิวดินในหลุมเพื่อป้องกันมิให้ผนังหลุมที่เจาะพังทลายลงมา
การใช้เสาเข็มเจาะจะไม่ก่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือนที่อาจเป็นอันตรายต่ออาคารข้างเคียง
เพราะไม่มี การตอกกระแทกของปั้นจั่นดังเช่นที่ใช้กับเสาเข็มคอนกรีตอัดแรง
อีกทั้งขนาดของเสาเข็มเจาะก็อาจทำให้มีขนาดใหญ่โดยมีขนาดของเส้นผ่านศูนย์กลางได้ถึง
200 เซนติเมตร
เพราะไม่มีปัญหาเกี่ยวกับข้อจำกัดของขนาดของปั้นจั่นและน้ำหนักของตัวเสาเข็ม
ขณะที่เสาเข็มคอนกรีตอัดแรงนั้นขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่ใช้กันทั่ว
ไปมีขนาดความกว้างของพื้นที่หน้าตัดเพียง 40
เซนติเมตรเท่านั้น
อีกทั้งความลึกของเสาเข็มเจาะก็สามารถเจาะได้ลึกกว่าความยาวของเสาเข็มคอนกรีตอัดแรง
ฉะนั้นเสาเข็มเจาะจึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับอาคารสูงซึ่ง
ต้องรับน้ำหนักมากและอาคารที่สร้างใกล้ชิดเพื่อป้องกันมิให้เกิดการสั่นสะเทือนซึ่งจะเป็นอันตรายต่ออาคาร
ข้างเคียง
ในทางปฏิบัติแล้วขั้นตอนในการทำเสาเข็มเจาะจะมีรายละเอียดที่ยุ่งยากซับซ้อนกว่าที่กล่าวไว้มาก
ที่กล่าวมาข้างต้นก็เพียงต้องการให้มองเห็นภาพ
และขั้นตอนของการทำเสาเข็มเจาะเพียงคร่าวๆ เท่านั้น
การปลูกบ้านพักอาศัยโดยทั่วไปมักจะใช้เสาเข็มคอนกรีตอัดแรงเพราะมีขั้นตอนที่ง่ายกว่า
และราคาถูกกว่า เสาเข็มเจาะ
เสาเข็มกลมแรงเหวี่ยงอัดแรง
เสาเข็มกลมแรงเหวี่ยงอัดแรงหรือที่เรียกกันทั่วไปว่าเสาเข็มสปัน
เป็นเสาเข็มที่ผลิตที่ใช้กรรมวิธีการ
ปั่นคอนกรีตในแบบหล่อซึ่งหมุนด้วยความเร็วสูงทำให้เนื้อคอนกรีตมีความหนาแน่นสูงกว่าคอนกรีตที่หล่อ
โดยวิธีธรรมดา จึงมีความแข็งแกร่งสูง รับน้ำหนักได้มาก
เสาเข็มสปันมีลักษณะเป็นเสากลม ตรงกลางกลวง
มีโครงลวดเหล็กอัดแรงฝังอยู่ในเนื้อคอนกรีตโดยรอบ
การตอกเสาชนิดนี้สามารถทำได้หลายแบบ ทั้งวิธีการตอกด้วยปั้นจั่นแบบธรรมดา
และวิธีการตอกด้วยระบบเจาะกด
เสาเข็มสปันมีให้เลือกใช้หลายขนาด ที่พบเห็นกันมากมีตั้งแต่ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง
20 - 100 เซนติเมตร มีความหนาของเนื้อคอนกรีตอยู่ในช่วง 6 -
14 เซนติเมตร โดยมีความยาวอยู่ในช่วง 6 - 18
เมตร ขึ้นอยู่กับบริษัทผู้ผลิต
ซึ่งความยาวนี้สามารถเพิ่มได้โดยการนำเสามาเชื่อมต่อกัน
เนื่องจากเสาเข็มสปันมีลักษณะกลวงจึงช่วยลดการสั่นสะเทือนเวลาตอก
และถ้าเสาเข็มที่ใช้ความ
ยาวมากก็สามารถลดแรงดันของดินในขณะตอกได้โดยการเจาะนำและลำเลียงดินขึ้นทางรูกลวงของเสา
ซึ่ง จะช่วยลดความกระทบกระเทือนที่มีต่ออาคารข้างเคียงได้มาก
เสาชนิดนี้เหมาะสำหรับใช้เป็นฐานรากของอาคารที่ต้องการความมั่นคงแข็งแรง
ข้อสังเกตบางประการเกี่ยวกับเสาเข็มที่ใช้ และกรรมวิธีในการตอก
ข้อสังเกตในที่นี้จะเน้นกล่าวถึงเฉพาะที่เกี่ยวกับเสาเข็มคอนกรีตอัดแรง
เนื่องจากเป็น เสาเข็มที่ใช้ กันแพร่หลายสำหรับอาคารบ้านเรือนทั่วไป
1. เสาเข็มที่ใช้ควรอยู่ในสภาพที่ดีไม่มีการแตกหักหรือชำรุดมาก่อน
ถ้าเป็นไปได้ควร ได้รับการรับรองมาตรฐานจากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม
( สมอ. ) โดยมี
เครื่องหมายรับรองมาตรฐานอุตสาหกรรม ( มอก. )
ประทับอยู่ และมีการระบุถึงวัน / เดือน /
ปี ที่ทำการผลิตว่าผลิตออกมาเมื่อใด ถ้าเป็นไปได้เสาเข็มที่ใช้ควรจะมีอายุการผลิต
4 สัปดาห์ขึ้นไป เพราะ เสาเข็มที่เพิ่งผลิตออกมาใหม่คอนกรีต
ที่ใช้ทำเสาเข็มยังบ่มตัวไม่เข้าที่ ความแข็งแกร่งยัง
มีน้อยอาจเกิดการชำรุดหรือแตกหักระหว่างการตอกได้
2. เสาเข็มที่มีขนาดยาวอาจใช้เสาเข็มขนาดสั้น 2
ท่อนมาเชื่อมต่อกันได้เพื่อความ สะดวกในการ
ตอกหรือความสะดวกในการขนส่ง ทั้งนี้ เสาเข็มที่นำมาเชื่อมต่อกันจะต้องมีลักษณะ
และขนาดของพื้นที่หน้าตัดเหมือนกัน กรรมวิธีในการตอกคือจะทำการตอกเสาท่อนแรกลงไปใน
ดินจนเกือบมิดก่อนแล้วใช้ปั้นจั่นดึงเสาท่อนที่สองขึ้นมาจรดกับเสาท่อนแรกในแนวตรง
แล้วทำการ เชื่อมเหล็กที่ขอบเสาตรงรอยต่อให้ติดกัน
การเชื่อมจะต้องเชื่อมอย่างประณีตโดยรอบให้เสาทั้ง 2
ท่อนต่อกันอย่างสนิทและเป็นแนวเส้นตรง จากนั้นจึงใช้ปั้นจั่นตอกลงไปต่อ
3.
การตอกเสาเข็มให้ลึกถึงระดับ การจะดูการตอกเสาเข็มในแต่ละจุดเสร็จสิ้นเรียบ
ร้อยได้ผล ตามมาตรฐานที่กำหนดหรือไม่นั้น มิใช่ดูแต่เพียงว่าเสาเข็มตอกจมมิดลงไปใน
ดินเท่านั้น แต่จะต้องดู จำนวนครั้งในการตอกด้วย ( blow count )
ว่าเสาเข็มแต่ละต้นใช้ จำนวนครั้งในการตอกเท่าใดจนเสาเข็ม จม มิดดิน
ถ้าจำนวนครั้งในการตอกน้อยเกินไป คือสามารถตอกลงไปได้ง่าย แสดงว่าความแน่นของดิน
ที่จุดนั้นที่จะใช้ในการรับน้ำหนักยัง ไม่เพียงพอ
อาจจะต้องมีการต่อเสาเข็มและตอกเพิ่มลงไปอีกจนกว่าจำนวนครั้งในการตอกจะ
เป็นไปตามที่กำหนด ในทางตรงกันข้าม
ถ้าจำนวนครั้งในการตอกมากเพียงพอแล้วแม้ว่าเสาเข็มที่ตอกนั้น จะยังจมไม่
มิดก็อาจแสดงว่าความแน่นของดินที่จุดนั้นที่จะใช้ในการรับน้ำหนักเพียงพอแล้ว
ไม่จำเป็นจะตอกต่อลงไปอีก เพราะการฝืนตอกต่อไปอาจทำให้เสาเข็มแตกหักหรือชำรุดได้
ส่วนจำนวนครั้งในการตอกเสาเข็ม แต่ละต้นควรจะเป็นเท่าใดนั้นวิศวกรจะเป็นผู้กำหนด
ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับชนิด ขนาดของพื้นที่หน้าตัด และความยาวของเสาเข็มนั้น ๆ
 |
ติดต่อขอคำปรึกษาฟรี โทร. 063
154 7895
, 084
644 6655
, 097
228 9653 |
กลับขึ้นด้านบน |

|
กลับหน้า
เรื่องที่ควรรู้ |

|
|